จะดีแค่ไหนถ้าลูกของคุณสามารถพูดได้หลายภาษา? การรู้มากกว่าภาษาแม่ ไม่ว่าจะช่วยให้พวกเขาสามารถหางานได้ง่ายยิ่งขึ้น ก็ยังสามารถสื่อสารได้กับผู้คนที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งยังเข้าใจมุมมองที่แปลกใหม่ จากสื่อต่าง ๆ ในภาษาอื่น แถมยังได้ช่วยสร้างทัศนคติที่ดีกับการเรียนภาษาอื่น ๆ ต่อไปอีกได้ในอนาคต
สำหรับบทความนี้จะนำ 4 วิธีสุดฮิตมาแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ได้ลอง! เพราะจะเป็นวิธีที่จะทำให้ลูกรักของคุณโตขึ้นมาเป็นเด็กที่สามารถพูดได้มากกว่าภาษาแม่แน่นอน!
- วิธีหนึ่งคน หนึ่งภาษา (One Person One Language: OPOL) – วิธีนี้คือวิธีที่ดีที่สุดที่จะสอนภาษาถึง 2 ภาษาให้กับเด็ก ๆ เพราะจะเป็นวิธีที่ทั้งพ่อและแม่ต่างคนต่างพูดคนละภาษากับพวกเขา เช่นพ่อพูดภาษาอังกฤษ และแม่พูดภาษาไทยกับลูกโดยไม่นำมาปนกัน โดยเด็ก ๆ จะสามารถเรียนรู้ได้มากถึง 3 ภาษา หากที่อยู่อาศัยนั้นเป็นประเทศที่ใช้ภาษาอื่นนอกเหนือจากที่พ่อกับแม่พูดให้ฟัง เพราะ เด็ก ๆ จะสามารถเรียนรู้ภาษาที่ 3 ได้จากที่โรงเรียน
- วิธีเสริมภาษาที่ 2 และ 3 ให้ลูกของคุณที่บ้าน (Minority Language at Home: ML@H) – เมื่อเด็ก ๆ โตขึ้นมาในสภาพครอบครัวที่มีมากกว่า 1 ภาษา เด็ก ๆ ต้องการความช่วยเหลือจากพ่อแม่ในทุกภาษาที่พวกเขาพูดได้ โดยเฉพาะภาษาที่ไม่ได้ใช้นอกบ้านเป็นประจำ เช่น เด็ก ๆ อาศัยอยู่ในประเทศไทย แต่ที่บ้านต้องการให้น้องพูดภาษาอังกฤษได้ เด็ก ๆ จะสามารถเรียนภาษาไทยได้นอกบ้าน และพ่อแม่จะต้องให้ความช่วยเหลือในการเรียนภาษาอังกฤษให้พวกเขาเป็นพิเศษ โดยการช่วยพูดให้เด็ก ๆ จำได้โดยธรรมชาติหรือจ้างอาจารย์เจ้าของภาษามาพูดกับเด็ก ๆ จนคุ้นชิน
- Time and Place (T&P) – วิธีนี้เป็นวิธีที่แพร่หลายในโรงเรียนสองภาษาหลายโรงเรียนมาก เพราะเป็นวิธีที่เข้าใจได้ง่ายและชัดเจน เช่น เช้าพูดหนึ่งภาษา และบ่ายพูดอีกหนึ่งภาษา หรือบางที่อาจจะแบ่งเป็นวัน เช่น อังคารและพฤหัสพูดหนึ่งภาษา และวันจันทร์ พุธ ศุกร์พูดอีกหนึ่งภาษา ซึ่งจะทำให้เด็ก ๆ ได้ฝึกฝนและใช้ในชีวิตประจำวันอย่างแท้จริง
- Mixed Language Policy (MLP) – การใช้ภาษาขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เช่น ภาษาหลัก (ภาษาแม่) ใช้เมื่อตอนคุยเรื่องเกี่ยวกับโรงเรียนเป็นหลัก แต่เมื่อพูดเรื่องส่วนตัว ให้ใช้ภาษาที่ต้องการสอน เช่น ภาษาอังกฤษ หรือ ภาษาจีน เป็นต้น
แล้วคุณล่ะ? ได้เลือกวิธีการสอนภาษาอื่น ๆ เพื่อลูกของคุณแล้วหรือยัง?
อ้างอิง: https://www.fluentin3months.com/bilingual-baby/