6 เคล็ดลับ เลี้ยงลูกรักให้มองโลกในแง่ดี

สงสัยกันไหมคะว่าต้องเลี้ยงลูกอย่างไรให้เป็นเด็กคิดบวก? เด็กที่พร้อมจะเรียนรู้อยู่ตลอดเวลาจะรู้จักรับมือกับชีวิตที่ต้องเผชิญกับการแข่งขันได้ดีกว่า นี่คือ 6 เคล็ดลับที่จะช่วยให้ลูกรักของคุณมีทัศนคติที่ดีต่อการใช้ชีวิต

คุณรู้หรือไม่ ผู้ที่มองโลกในแง่ดีมีแนวโน้มว่าสามารถมีชีวิตอยู่ได้มากกว่า 100 ปี  แต่จะทำอย่างไรให้ลูกรักเป็นเด็กคิดบวก?
เพิ่ม 6 เคล็ดลับนี้ลงในตำราการเลี้ยงลูกสำหรับผู้เริ่มต้นและคอยดูผลลัพธ์ดีๆ ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้กันค่ะ

 

  1. ไม่บ่น หรือโวยวายให้เด็กๆ ฟัง

บ่อยครั้งที่คุณแม่จะบ่นเสียงดังเรื่องฝนตกรถติดขณะที่ขับรถไปส่งลูก ซึ่งอายุเพียง 2 หรือ 4 ขวบ ซึ่งจริงๆแล้วคุณแม่ควรจะพูดว่า “ก็เราไม่เคยไปที่นั่นเนอะ” มากกว่า “วันนี้เราไปสายกันอีกแล้ว” หากคิดถึงแต่สิ่งแย่ๆ และ สิ่งที่ทำให้ไม่พอใจ ก็ยิ่งทำให้หงุดหงิด ยิ่งคุณคร่ำครวญเรื่องเงิน หรือ การทำงานในวันที่ยากลำบาก เรื่องราวเหล่านั้นสามารถทำให้ลูกรักเรียนรู้ที่จะทำสิ่งนี้เช่นเดียวกัน ต่อไปนี้ให้เริ่มพูด“แม่จะจัดการงานช้างนี้ให้สำเร็จ” หรือ “วันนี้แม่เจอกับประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมในที่ทำงาน” ดีกว่าค่ะ เพื่อฝึกให้มองเห็นเรื่องดีดี มากกว่าเรื่องแย่ๆ

  1. ให้คุณค่ากับเรื่องเล็กๆ

สอนให้ลูกรักรู้จักช่วยเหลือตนเองได้ ในแต่ละกิจวัตรประจำวัน เช่น เริ่มต้นตั้งแต่การรู้จักเปิด ปิด ไฟในห้องนอน และการเก็บที่นอนและการล้างหน้า แปรงฟัน ให้เรียบร้อย และคุณแม่ต้องชื่นชมลูกรักทุกครั้งหลังจากที่พวกเขาทำภารกิจต่างๆ สำเร็จลุล่วงได้ด้วยตนเอง แม้ว่าภารกิจนั้นจะเป็นเรื่องเล็กน้อย รึใหญ่ เพียงใด เพื่อให้พวกเขารู้สึกภาคภูมิใจ และสร้างทัศนคติที่ดีโดยให้ปลูกฝังให้พวกเขามีความคิดว่า “Can Do” (สามารถทำได้ ! ) Tamar Chansky, Ph.D. นักจิตวิทยาเด็กและนักเขียน กล่าวเกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้เด็กๆ พ้นจากความคิดในเชิงลบ คือ งานที่พ่อแม่มอบหมายต้องเหมาะสมกับวัยของเด็ก เด็กอายุ 2 ขวบสามารถเก็บของเล่นให้ถูกที่ เด็กอายุ 3 ขวบสามารถถอดเสื้อที่สกปรกของเขาใส่ลงตะกร้าผ้า เด็กอายุ 4ขวบสามารถนำจานอาหารไปใส่ไว้ที่อ่างล้างจาน เด็กอายุ 5 ขวบสามารถเอาขยะไปทิ้งได้ เด็กอายุ6ขวบสามารถแยกประเภทผ้าได้

  1. สนับสนุนให้เขาลองเสี่ยง และกล้าทำในสิ่งที่แปลกใหม่

เราทุกคนต่างมีความพยายามที่จะปกป้องลูกรักจากการได้รับบาดเจ็บ เราอาจมองว่ามันน่าอายสำหรับลูกรัก หากตกจากบาร์โหน หรือ ลื่นล้มต่อหน้าเพื่อนๆ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องปกติที่เราต้องการจะปกป้องเด็กๆจากสถานการณ์ที่ได้กล่าวไป แต่มันส่งผลให้ลูกรักเสียกำลังใจในการทำกิจกรรมต่างๆ และเป็นการทำลายความมั่นใจของลูก กระตุ้นให้ลูกรักมองโลกในแง่ร้ายมากขึ้น ดังนั้นทางที่ดีควรปล่อยให้ลูกรักได้มีอิสระ และคุณคอยดูพวกเขาอยู่ห่างๆ เช่นการลองปล่อยให้ลูกน้อยเล่นคนเดียวที่สนามหลังบ้าน หรือปล่อยให้ลูกออกไปทัศนศึกษากับโรงเรียน โดยที่ไม่มีคุณคอยตามดู นอกจากนั้น ให้พวกเขาเตรียมตัวรับมือกับความเสี่ยง หรือกิจกรรมที่ตื่นเต้นบ้าง เช่น การไปนอนค่ายพักแรม คุณไม่จำเป็นต้องกังวลหากลูกรักต้องลองสิ่งใหม่ๆ เพียงแค่รอลูกกลับบ้านและพูดกับคุณอย่างภาคภูมิใจว่าพวกเขาได้เผชิญเรื่องราวน่าตื่นเต้นใดมาบ้าง

  1. ให้ลูกรักแก้ปัญหาต่างๆ ด้วยตนเอง

เมื่อคุณได้ยินว่าเด็กคนอื่นๆ วิจารณ์ลูกสาวของคุณว่าอ้วน ด้วยสัญชาตญาณคุณต้องการโทรหาผู้ปกครองของเด็กคนนั้น แต่ก็ต้องห้ามใจตัวเองและลองให้ลูกรักแก้ไขสถานการณ์ด้วยตัวเอง และเมื่อลูกรักผ่านมันไปได้ พวกเขาก็จะรู้สึกภูมิใจ เมื่อลูกของคุณพยายามถามความหมายของคำศัพท์ใหม่ๆ หรือ ใช้เวลากับการต่อจิ๊กซอว์นานเกินไป การที่คุณจะยื่นมือเข้าไปช่วยเป็นเรื่องง่ายดาย แต่คุณควรปล่อยให้ลูกรักพยายามแก้ปัญหาด้วยตัวเอง เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยพัฒนาประสาทสัมผัสและทำให้ลูกรักมองโลกในแง่ดี และพร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่างๆได้

  1. คอยให้กำลังใจอยู่เสมอ

เด็กบางคนพยายามอย่างมากกับการทำการบ้าน  เด็กบางคนฟูมฟายด้วยความขุ่นเคืองว่า “หนูโง่วิชาคณิตศาสตร์”  น่าเสียดายที่ความล้มเหลวเพียงครั้งเดียวอาจจะทำให้ลูกรักเกิดความรู้สึกว่าเป็นปมด้อยของตัวเองถาวรเช่น “หนูไม่เก่ง” “หนูเล่นบอลได้แย่มาก” “หนูวาดภาพไม่ได้” เพื่อป้องกันลูกรักจากข้อสรุปเหล่านั้น คุณพ่อคุณแม่ต้องพยายามเปลี่ยนทัศนคติลูกรัก สร้างกรอบความคิดใหม่ในด้านที่ดีให้กับลูก คุณอาจพูดกับลูกรักว่า “ในตอนแรก การเริ่มเล่นกีฬาใหม่ๆอาจจะยากนะลูก” หรือ “แม่รู้ หนูอ่านเวลาไม่เป็น แต่ลูกจะทำได้จ้ะ” และบอกให้ลูกรักรู้ว่าเขาไม่ใช่คนเดียวที่ทำไม่ได้ (“เด็กหลายๆคนในห้องลูกก็รู้สึกท้อแท้เหมือนกับลูกนี่ล่ะจ้ะ” หรือ “ตอนที่แม่ยังเด็ก แม่ก็เคยมีช่วงเวลาที่ยากลำบากเหมือนกัน แต่เราจะทำมันได้นะ”) ช่วยให้ความหวังลูกโดยกล่าวถึงทักษะด้านอื่นๆที่ลูกรักทำได้ดีเช่น “จำได้ไหมตอนที่ลูกอ่านหนังสือไม่ออก หนูใช้ความพยายามมากแค่ไหน หนูก็จะทำเรื่องนี้ได้เช่นเดียวกันจ้ะ” เป็นต้น

  1. สอนให้ยอมรับความจริง

ในบางครั้งคุณพ่อและคุณแม่อาจจะคอยให้กำลังใจลูกรักด้วยความรัก และมองโลกในแง่ดีเกินไป บางครั้งก็กล่าวเกินจริงในเรื่องที่ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจจะส่งผลให้ลูกเผชิญกับความผิดหวังอย่างรุนแรงได้ในภายหลัง ดังนั้นทุกคำปลอบโยนควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงเพื่อให้ลูกรับสามารถรับมือกับความผิดหวัง หรืออะไรที่อยู่เหนือความควบคุมได้

รู้อย่างนี้แล้ว คุณพ่อคุณแม่อย่าลืมเอาเคล็ดลับที่เป็นประโยชน์ไปทอลองใช้กับลูกรักนะคะ

Tags:

Share:

Share on facebook
Share
Share on twitter
Share

You Might Also Like This

มหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประจำปี 2566

เริ่มแล้ว! มหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ประจำปี 2566

เนื่องในสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ เพื่อเทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหามงกุฏ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช “พระราชบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย”

Read More

สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 51

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 30 มีนาคม 2566 กรมสมเด็จพระเทพฯ เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดงาน
สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 51 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 21

Read More

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอม ให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

Save